แจ้งข่าวนักศึกษา012173

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

พระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

พระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เรียบเรียงใหม่ โดย ดร.พิสิฏฐ์ โคตรสุโพธิ์

รองประธานกรรมการส่งเสริมศาสนา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

พระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

               มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีพระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัย  2 องค์ คือ พระพุทธทศพลชินราช และ พระพุทธพิงคนคราภิมงคล ประดิษฐานที่หอพระพุทธ ปีกด้านทิศใต้ศาลาธรรม มีประวัติการได้มาและการสร้างดังนี้

                1. พระพุทธทศพลชินราช

         มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นับแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยมาตั้งแต่ ปีพ.ศ. 2507  ยังไม่มีพระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัย  ประจวบกับปี พ.ศ.2527 จะเป็นปีครบรอบ 20 ปีนับแต่เปิดการศึกษามา เนื่องในวโรกาสการฉลองสมโภชน์งานที่ระลึกครบรอบ 20 ปี ของมหาวิทยาลัย รองศาสตราจารย์ ดร.บุณย์ นิลเกษ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์ ได้ขอคำปรึกษา  อธิการบดี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ประยุทธ ฐิตะสุต เพื่อให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้มีพระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัย   อธิการบดีเห็นชอบและมอบหมายให้ รองศาสตรจารย์บุณย์ นิลเกตุเป็นภาระจัดหาให้ทันการณ์

              เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2526 รองศาสตราจารย์ ดร.บุณย์ นิลเกษ ไปประชุมทางวิชาการเกี่ยวกับสภาสังคมสงเคราะห์ที่วัดเบญจมบพิตรฯ เขตดุสิต กรุงเทพฯ และได้พบพระพุทธชินราชจำลอง ขนาดหน้าตัก กว้าง 39 นิ้ว สูง 50 นิ้ว พร้อมเรือนแก้ว มีพระพุทธลักษณะสง่างามมาก ยังมิได้ลงรักปิดทองเพียงแต่ขัดทองมันเรียบ ประดิษฐานที่หน้าห้องประชุมใหญ่ รองศาสตราจารย์ ดร.บุณย์ นิลเกษ เห็นเป็นศุภมงคล จึงได้เข้าไปนมัสการกราบเรียนความประสงค์ของมหาวิทยาลัย  พระพุทธิวงศ์มุนี เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรฯ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ กรรมการมหาเถรสมาคม ได้รับทราบ หากมีความเป็นไปได้อยากจะขออัญเชิญองค์พระพุทธชินราชจำลองนี้ ไปประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

              สาเหตุที่พระพุทธชินราชจำลองประดิษฐานอยู่ที่หน้าห้องประชุม วัดเบญจมบพิตรฯ 

ตามเจตนาเดิมนั้น  นายแพทย์ จิตต์ นางจันทร์ ตู้จินดา เจ้าภาพ มีความประสงค์จะสร้างและนำไปถวายที่วัดไทยในนครชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ประกอบพิธีกรรมการหล่ออย่างถูกต้องตามพิธีหลวงอย่างสมบูรณ์ ในวันวิสาขบูชา เจ้าภาพจึงนำไปฝากพระพุทธิวงศมุนี ที่วัดเบญจมบพิตร เพื่อรอการขนส่งทางเรือไปประเทศสหรัฐอเมริกา   ครั้นเจ้าภาพได้ทราบความประสงค์ของมหาวิทยาลัย และเดินทางมาดูศาลาธรรมสถานที่จะประดิษฐานพระพุทธรูป ก็ยิ่งเกิดจิตศรัทธาเพิ่มความปลื้มปีติยินดีขึ้นมาอย่างมาก จึงสั่งให้ลงรักปิดทองทั้งองค์ก่อนการส่งมอบให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

              พระพุทธชินราชจำลองก็ได้รับการอัญเชิญมาถึงจังหวัดเชียงใหม่ ในวันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2526 เวลา 13.30 น. พักที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อธิการบดี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประยุทธ์ ฐิตะสุต พร้อมด้วยอาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษา จัดขบวนแห่ต้อนรับอย่างสมเกียรติ ครั้นเวลา 14.45 น. จึงได้อัญเชิญพระพุทธชินราชจำลองขึ้นรถบุษบก แห่ขบวนเคลื่อนจากวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร สู่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เวลา 16.30 น.  ได้อัญเชิญพระพุทธชินราชจำลอง ขึ้นไปประดิษฐานที่ฐานชุกชีที่จัดสร้างไว้เป็นพิเศษที่ศาลาธรรม อธิการบดี ได้ถวายเครื่องสักการะ พระสงฆ์ 108 รูป เจริญพุทธชยมงคลคาถา ในพิธีการอัญเชิญพระพุทธชินราชจำลองมาประดิษฐานที่ศาลาธรรม

               พระพุทธรูปนามพระราชทาน

พระพุทธรูปที่จัดสร้างส่วนใหญ่ก็มักจะมีพระนามเฉพาะแต่ละองค์ เช่น พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ พระศรีสรรเพชร พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระพุทธสิหิงค์  เป็นต้น เพื่อเป็นการถวายเฉลิมนามเฉพาะพระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้สมเกียรติ ทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้มีหนังสือ ที่ ทม. 0601(1)/330 ลงวันที่ 23 เมษายน 2527  ขอพระราชทานเฉลิมพระนามพระพุทธชินราชจำลอง กราบบังคมทูล ผ่านราชเลขาธิการ และได้รับหนังสือตอบกลับจากสำนักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง ที่ รล 0013/3874  ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระพุทธชินราชจำลองว่า

พระพุทธทศพลชินราช

 มีสร้อยพระนามว่า           อนุสรณ์วีสติอายุกาล 

จันทรจิตพุทธิวงศ์ประทาน

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มิ่งมงคล  

               พระพุทธทศพลชินราช จึงเป็นนามพระราชทาน จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้เป็นพระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ประดิษฐานที่หอพระพุทธ ศาลาธรรมนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2526 เป็นต้นมา

 

2. พระพุทธพิงคนคราภิมงคล

พ.ศ. 2539 เนื่องในวาระอันเป็นมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชย์สมบัติครบ 50 ปี และในโอกาสที่นครเชียงใหม่ ได้มีอายุครบ 700 ปี ทางจังหวัดเชียงใหม่ จึงจัดเฉลิมฉลองคบรอบ 700 ปี เป็นกรณีพิเศษ มูลนิธิพัฒนามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่(ศาสตราจารย์ นายแพทย์ โชติ ธีตรานนท์ อธิการบดี) ได้พิจารณาเห็นสมควรที่คณาจารย์ ข้าราชการ นักศึกษา และศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะได้น้อมรำลึกถึงโอกาสอันเป็นมหามงคลนี้ จึงได้พร้อมใจกันจัดสร้างวัตถุมงคลที่ระลึกขึ้น เป็นโครงการเฉลิมฉลอง 700 ปี เมืองเชียงใหม่ โดยสร้าง พระพุทธรูปศิลปะล้านนา แบบสิงห์ 3 รุ่นมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  พร้อมกับเหรียญ รูปหล่อลอยองค์ และแผ่นปั๊มนูนต่ำพระครูบาศรีวิไชยแบบห่มคลุม เพื่อเป็นสิริมงคลและเป็นที่สักการะบูชา

              พระพุทธรูปที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่สร้างขึ้นมา มีหลายขนาด คือขนาดใหญ่ 1 องค์ เป็นองค์ประธาน ศิลปะล้านนา แบบสิงห์ 3 มีขนาดหน้าตัก และส่วนสูงไล่เลี่ยกับพระพุทธทศพลชินราช แต่ไม่มีซุ้มเรือนแก้ว และพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว และ 9 นิ้ว สำหรับเป็นพระบูชาส่วนตัว จำนวนทั้งสิ้น 7,000 องค์  

พระพุทธรูปได้รับการถวายพระนามโดยสมเด็จพระสังฆราช

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 สมเด็จพระญาณสังวร(เจริญ สุวฑฺฒโน)  สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ ทรงโปรดพระกรุณาธิคุณประทานพระนามพระพุทธรูป ที่จัดสร้างโดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ว่า

                                             พระพุทธพิงคนคราภิมงคล

แปลว่า พระพุทธรูปอันเป็นมงคลยิ่งแห่งนครเชียงใหม่

พร้อมกับทรงประทานพรว่า ขอพระพุทธรูปที่ถวายนามแล้วนี้ จงสถิตเป็นที่สักการะให้เกิดความสวัสดิอุดมมงคลตลอดจิรกาล 

พระพุทธพิงคนคราภิมงคลที่จัดสร้างขึ้นในวโรกาสนี้ ก็ได้เป็นพระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อีกองค์หนึ่ง

พิธีกรรมในการจัดสร้าง ในการจัดสร้างพระพุทธพิงคนครภิมงคล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการ นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิพนธ์ ตุวานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร(ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) พร้อมด้วยคณะกรรมการได้จัดให้มีการนำแผ่นทองโอบเจดีย์ และแผ่นทองเหลือง เดินทางไปกราบขอเมตตาจิต จากพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ และพระสงฆ์ผู้ทรงพุทธคุณาคม ทั่วประเทศ จำนวนหลายรูป นับตั้งแต่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร  สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พระสุเมธาธิบดี เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร พระญาณวิทยาคม(หลวงพ่อคุณ ปริสุทฺโธ) วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จังหวัดสิงห์บุรี หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จังหวัดนครปฐม เป็นต้นให้ลงอักขระอำนาจพุทธคุณาคมและแผ่เมตตาอธิษฐานจิต

พิธีเททองหล่อพระพุทธพิงคนครภิมงคล ได้ประกอบขึ้น ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ในวันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2539 ตรงกับวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 6 เวลา 12.19 น. ประกอบด้วย ราชาฤกษ์  สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่ หนเหนือ วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ โปรดมาเป็นประธาน

พิธีมหาพุทธาภิเษก  เมื่อพระพุทธพิงคนครภิมงคลพร้อมกับวัตถุมงคลสร้างเสร็จแล้ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกขึ้น ณ วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ในวันพุทธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2539 ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 7 มีสมเด็จพระญาณสังวร ทรงโปรดเสด็จมาเป็นประธามีพระเกจิอาจารย์ผู้เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวไทยหลายรูป นั่งสมาธิแผ่เมตตา อธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล และพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์แบบล้านนา(สวดมนต์ตั๋น) เป็นกรณีพิเศษ

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้มีพระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัย 2 องค์ ที่มีพระพุทธลักษณะโดดเด่น มีพุทธศิลป์เลิศเป็นเอกลักษณ์เฉพาะสกุลช่างที่งดงามที่สุดของประเทศ คือ พระพุทธทศพลชินราช เป็นพุทธศิลป์แบบสุโขทัย และ พระพุทธพิงคนคราภิมงคล เป็นพุทธศิลป์แบบล้านนา หรือ พระเชียงแสน แบบ สิงห์ 3 สมควรที่ชาวมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และพุทธศาสนิกชนจะได้เคารพสักการะ ด้วยจิตปสาทศรัทธาอย่างยิ่ง อันจะนำสุขสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลเอนกอนันต์มาสู่ตนและครอบครัวตลอดกาล ดังพระพุทธภาษิตว่า ปูชา จ ปูชนียานํ  เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ การบูชาสิ่งที่ควร เป็นมงคลอย่างสูงสุด

 

คำบูชาพระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่(ประพันธ์โดย อ.ดร.พิสิฏฐ์ โคตรสุโพธิ์)

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ(ว่า 3 ครั้ง)

               วันทามิ ภันเต, กาเยนะ วาจายะ มะนะสา, พุทธะทะสะพะละชินะราชัญจะ,

พุทธะพิงคะนะคะราภิมังคะลัญเจวะ,        อิมายะ ธัมมะสาลายัง ปะติฏฐิตัง.

ยัง เม  อิจฉิตะปัตถะนัง,  ยะทิ ลาภะ ยสะ สุขะ ปะสังสา, 

พุทธะปูชานุภาเวนะ, ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ เม สัพพะทา.

คำแปล : ข้าพเจ้า ขอกราบไหว้ พระพุทธทศพลชินราช และพระพุทธพิงคนคราภิมงคล

               อันประดิษฐานอยู่ที่ศาลาธรรมแห่งนี้ ด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ   สิ่งใดที่ข้าพเจ้าตั้งใจปรารถนา เช่น ลาภ ยศ สุข และการยกย่องสรรเสริญ ด้วยอานุภาพการบูชาพระพุทธรูปนี้ ขอสิ่งนั้นจงพลันสำเร็จแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ เทอญฯ

----------