รายงานการวิจัย
กิจกรรมการถ่ายทอดศิลปะและวัฒนธรรมภูมิปัญญาล้านนาสู่สังคม
โดยผู้ทรงภูมิปัญญาท้องถิ่น
The
imparting and teaching of Art and Culture,
In
the tradition of Lan Na Wisdom to Society
by
Local scholars
โดย
อาจารย์ ดร. พิสิฏฐ์
โคตรสุโพธิ์ และคณะ
สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ
รายงานการวิจัย
ปีงบประมาณ
2556
กิจกรรมการถ่ายทอดศิลปะและวัฒนธรรมภูมิปัญญาล้านนาสู่สังคม
โดยผู้ทรงภูมิปัญญาท้องถิ่น
The
imparting and teaching of Art and Culture,
In
the tradition of Lan Na Wisdom to Society
by
Local scholars
หัวหน้าโครงการวิจัย
อาจารย์ ดร. พิสิฏฐ์ โคตรสุโพธิ์ รับผิดชอบ 50 %
นักวิจัย
1. รองศาสตราจารย์ ดร.ธเนศ ศรีวิชัยลำพันธ์ รับผิดชอบ 25 %
2.
รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพงษ์ แสง-ชูโต รับผิดชอบ 25 %
ผู้ช่วยนักวิจัย
นายชนินทร์ เขียวสนุก
บทคัดย่อ
โครงการวิจัยเรื่อง
“กิจกรรมการถ่ายทอดศิลปะและวัฒนธรรมภูมิปัญญาล้านนาสู่สังคมโดยผู้ทรงภูมิปัญญาท้องถิ่น”
นี้ กำหนดวัตถุประสงค์ ไว้ 3 ข้อ คือ (1) เพื่อวิเคราะห์และคัดเลือก
ภูมิปัญญาล้านนาที่ได้จัดระบบหมวดหมู่ไว้ทำการวิจัยเพื่อเป็นฐานความรู้ (Impact Research) แสวงหาวิธีการและกระบวนการที่เหมาะสมอันจะสามารถต่อยอดองค์ความรู้และประยุกต์ใช้ในสังคมและวัฒนธรรมล้านนาปัจจุบันผ่านปราชญ์อาวุโสล้านนา (2) เพื่อค้นหาปัจจัยที่เอื้อต่อกระบวนการบูรณาการ การนำภูมิปัญญามรดกล้านนาคืนสู่ถิ่นกำเนิด ผ่านกิจกรรมเรียนรู้ ถ่ายทอดโดยปราชญ์ผู้สูงวัยในท้องถิ่นสู่เยาวชนในสถานศึกษาและท้องถิ่น และ (3) เพื่อสร้างและเชื่อมเครือข่ายด้านล้านนาคดีศึกษา ที่อยู่ในท้องถิ่นกำเนิดของภูมิปัญญาล้านนา ด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น การสัมมนา การฝึกอบรม
เพื่อการสืบสาน อนุรักษ์และถ่ายทอดความรู้ด้านการอ่านวรรณกรรมอักษรโบราณล้านนาและกระตุ้นการทำวิจัยเรื่องที่จะเป็นผลประโยชน์ต่อสังคมล้านนาในสถาบันการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสถาบันศาสนาในล้านนา ใช้ระเบียบวิธีวิจัย เชิงคุณภาพ(วิจัยเอกสาร) ผสมด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกตแบบมีส่วนร่วม และการประชุมกลุ่มกิจกรรมการถ่ายทอด 4 กลุ่ม ใน 4 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา และเชียงราย ผลการวิจัยพบว่า
ภูมิปัญญาล้านนาที่ได้จัดระบบหมวดหมู่ไว้ทำการวิจัยเพื่อเป็นฐานความรู้ (Impact Research) แสวงหาวิธีการและกระบวนการที่เหมาะสมอันจะสามารถต่อยอดองค์ความรู้และประยุกต์ใช้ในสังคมและวัฒนธรรมล้านนาปัจจุบันผ่านปราชญ์อาวุโสล้านนา (2) เพื่อค้นหาปัจจัยที่เอื้อต่อกระบวนการบูรณาการ การนำภูมิปัญญามรดกล้านนาคืนสู่ถิ่นกำเนิด ผ่านกิจกรรมเรียนรู้ ถ่ายทอดโดยปราชญ์ผู้สูงวัยในท้องถิ่นสู่เยาวชนในสถานศึกษาและท้องถิ่น และ (3) เพื่อสร้างและเชื่อมเครือข่ายด้านล้านนาคดีศึกษา ที่อยู่ในท้องถิ่นกำเนิดของภูมิปัญญาล้านนา ด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น การสัมมนา การฝึกอบรม
เพื่อการสืบสาน อนุรักษ์และถ่ายทอดความรู้ด้านการอ่านวรรณกรรมอักษรโบราณล้านนาและกระตุ้นการทำวิจัยเรื่องที่จะเป็นผลประโยชน์ต่อสังคมล้านนาในสถาบันการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสถาบันศาสนาในล้านนา ใช้ระเบียบวิธีวิจัย เชิงคุณภาพ(วิจัยเอกสาร) ผสมด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกตแบบมีส่วนร่วม และการประชุมกลุ่มกิจกรรมการถ่ายทอด 4 กลุ่ม ใน 4 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา และเชียงราย ผลการวิจัยพบว่า
ด้านการคัดเลือกภูมิปัญญาล้านนาที่ได้จัดระบบหมวดหมู่ไว้ทำการวิจัยเพื่อเป็นฐานความรู้นั้น
ได้คัดเลือกภูมิปัญญาออกมาได้จำนวน 50 เรื่อง จำแนกตามหมวดได้
ดังนี้ หมวดพระพุทธศาสนา 32 เรื่อง หมวดโหราศาสตร์ 1 เรื่อง
หมวดลัทธิพิธีกรรม 4 เรื่อง หมวดไสยศาสตร์ 2 เรื่อง และ
หมวดปกิณกะ 11 เรื่อง มาทำการปริวรรต ทำบทคัดย่อ และเรียบเรียงด้วยภาษาปัจจุบัน ส่วนการแสวงหาวิธีการและกระบวนการที่เหมาะสมในการต่อยอดองค์ความรู้และประยุกต์ใช้ในสังคมและวัฒนธรรมล้านนาปัจจุบันนั้น ได้คัดเลือกปราชญ์ท้องถิ่นใน 4 จังหวัดๆ ละ 1 แห่ง โดยมอบหมายให้ปราชญ์ท้องถิ่นนำองค์ความรู้ไปถ่ายทอดแก่เยาวชนและสังคมดังที่กล่าวมา
หมวดปกิณกะ 11 เรื่อง มาทำการปริวรรต ทำบทคัดย่อ และเรียบเรียงด้วยภาษาปัจจุบัน ส่วนการแสวงหาวิธีการและกระบวนการที่เหมาะสมในการต่อยอดองค์ความรู้และประยุกต์ใช้ในสังคมและวัฒนธรรมล้านนาปัจจุบันนั้น ได้คัดเลือกปราชญ์ท้องถิ่นใน 4 จังหวัดๆ ละ 1 แห่ง โดยมอบหมายให้ปราชญ์ท้องถิ่นนำองค์ความรู้ไปถ่ายทอดแก่เยาวชนและสังคมดังที่กล่าวมา
ด้านปัจจัยที่เอื้อต่อกิจกรรมการถ่ายทอดพบว่า (1) ผู้ถ่ายทอดความรู้/ปราชญ์ท้องถิ่น
ได้คณะปราชญ์ล้านนาผู้ที่มีความตระหนักรู้ และมีผู้สูงอายุที่เชี่ยวชาญอักษรล้านนาในพื้นที่ซึ่งปรารถนาที่จะถ่ายทอดมรดกล้านนา และทำโครงการสืบสานมรดกล้านนาในแต่ละจังหวัด
(2) ผู้เข้าร่วมกิจกรรม/ ผู้เรียน ได้มีผู้เรียนหลากกลุ่ม เช่น ประชาชน และนักเรียน มารับการถ่ายทอด (3) ความพร้อมของพื้นที่ ทุกพื้นที่ในโครงการมีความพร้อมสูง (4) นโยบายของท้องถิ่นเห็นความสำคัญและให้การสนับสนุนทั้งด้านกลยุทธ์และงบประมาณสนับสนุน และ (5) การมีส่วนร่วมของชุมชนได้ชุมชนสถานศึกษาและโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ รวมทั้งเจ้าอาวาสและพระสงฆ์ในแต่ละจังหวัดให้การสนับสนุนอย่างเข้มแข็ง
ได้คณะปราชญ์ล้านนาผู้ที่มีความตระหนักรู้ และมีผู้สูงอายุที่เชี่ยวชาญอักษรล้านนาในพื้นที่ซึ่งปรารถนาที่จะถ่ายทอดมรดกล้านนา และทำโครงการสืบสานมรดกล้านนาในแต่ละจังหวัด
(2) ผู้เข้าร่วมกิจกรรม/ ผู้เรียน ได้มีผู้เรียนหลากกลุ่ม เช่น ประชาชน และนักเรียน มารับการถ่ายทอด (3) ความพร้อมของพื้นที่ ทุกพื้นที่ในโครงการมีความพร้อมสูง (4) นโยบายของท้องถิ่นเห็นความสำคัญและให้การสนับสนุนทั้งด้านกลยุทธ์และงบประมาณสนับสนุน และ (5) การมีส่วนร่วมของชุมชนได้ชุมชนสถานศึกษาและโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ รวมทั้งเจ้าอาวาสและพระสงฆ์ในแต่ละจังหวัดให้การสนับสนุนอย่างเข้มแข็ง
ด้านรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับการถ่ายทอดภูมิปัญญาล้านนานั้น
มีรูปแบบการถ่ายทอดกิจกรรมหลากหลาย ทั้งในรูปแบบของการจัดชั้นเรียน และการฝึกอบรมความรู้เป็นเรื่องๆ
ด้วยการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา 3 เดือน
จากการสำรวจความพึงใจของผู้ถ่ายทอดและผู้รับการถ่ายทอดมีผลลัพธ์อยู่ในระดับมาก
แสดงถึงความสำเร็จในการทำกิจกรรมเป็นที่น่าพอใจ
ด้านการสร้างเครือข่ายล้านนาคดีศึกษาที่อยู่ในท้องถิ่นกำเนิดของภูมิปัญญาล้านนานั้นคณะผู้วิจัยได้ขยายเครือข่ายออกไปอีก
2 กลุ่ม คือ กลุ่มบุคคล และกลุ่มสถาบัน ในต่างพื้นที่และประสานงานกับสถาบันการศึกษาที่มีภาระกิจในการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นทำการศึกษาและถ่ายทอดภูมิปัญญา
สร้างความร่วมมือในการทำวิจัยเพื่อสนองตอบความต้องการของชุมชน
โดยการจัดสัมมนาทางวิชาการ เวทีแห่งผู้เชี่ยวชาญขึ้นมาที่โรงแรมเชียงใหม่ฮิล 2000 เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เสวนาหาทางออก และวิธีการถ่ายทอด แก่กันและกัน นับเป็นการสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง สามารถร่วมมือกันผลักดันภารกิจด้านการอนุรักษ์และสืบสานมรดกล้านนาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
โดยการจัดสัมมนาทางวิชาการ เวทีแห่งผู้เชี่ยวชาญขึ้นมาที่โรงแรมเชียงใหม่ฮิล 2000 เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เสวนาหาทางออก และวิธีการถ่ายทอด แก่กันและกัน นับเป็นการสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง สามารถร่วมมือกันผลักดันภารกิจด้านการอนุรักษ์และสืบสานมรดกล้านนาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
โครงการวิจัยในรูปแบบนี้ คณะผู้วิจัยได้รับการสนับนุนจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้ทำวิจัยการต่อยอดอีกเพื่อพัฒนากิจกรรมโดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมและรับผิดชอบ
มีความรู้สึกเป็นเจ้าของ อันจะเป็นการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาล้านนาอย่างยั่งยืนสืบไป
Abstract
This research
entitled “the imparting and
teaching of Art and Culture, In the tradition of Lan Na Wisdom to Society by
Local scholars” is designed 1)
to analyze and select Lan Na wisdom embodied in Lan Na manuscripts in order to
find a suitable method and process which can expand the horizon of such knowledge
and apply it to the present Lan Na society through Lan Na learned elders, 2) to
find out the factors beneficial to integrating the Lan Na local wisdom, and
bring it back to the youths in local educational institutions as well as the
locals through the community learned elderly, and 3) to build up the Lan Na
studies networks and link them with activities such as seminars and training in
order to perpetuate, conserve, and pass on a know-how to read the Lan Na manuscripts, and encourage them to do research
work on the items that will benefit Lan Na society as well as educational
institutions, both governmental and private sectors, including Lan Na religious
institutions. The study is a documentary research, based on in-depth interview,
participant observation and focus group discussion in the four target
provinces: Chiang Mai, Lamphun, Phayao and Chiang Rai.
Results
of the study are as follows:
In selection of the Lan Na wisdom
from the collection of manuscripts, fifty items were selected and categorized
as the following: Buddhism, thirty-two items; Astrology, one
item; Rites and rituals, four items; Magic, two items; and Miscellaneous,
eleven items. These materials are then transliterated and rewritten in modern
Thai language. In order to find out a
suitable method and process to make such wisdom practicable and applicable for
the present Lan Na society and culture, four local learned persons in each
province were selected to disseminate the aforesaid wisdom to the youths and
society mentioned earlier.
As regards
the factors conducive to the above-mentioned wisdom dissemination, it was found
that (1) with regard to disseminators/Local learned persons, they consisted of local
Lan Na learned persons and the elderly specialized in the Lan Na script, who
were ambitious to propagate such Lan Na heritage in their community and
locality, and wished to create a project for propagating the Lan Na heritage in
each province, (2) as for participants/learners, they were from various groups,
like community people, local school children, and Buddhist Sunday Schools; all
were anxious to participate in learning activity, (3) as regards local preparedness, all
area was well prepared for performance, (4) in view of local policy, the
aforesaid activity was prioritized and given strategic and
budgetary support, and (5) with regard to community participation, a number of communities, public
schools, and Buddhist Sunday Schools, including abbots and community of monks
in each province all joined hands in supporting the activity.
As regards an appropriate pattern for
dissemination of the Lan Na wisdom, there was a diversity of operating
patterns. They were characterized by learning in classroom, and specific
training on particular subjects through continuous
three-month activity. From the survey of satisfaction of disseminators and recipients, it was rated at a high level, indicating the success of learning activity.
three-month activity. From the survey of satisfaction of disseminators and recipients, it was rated at a high level, indicating the success of learning activity.
In
terms of Lan Na studies network build up in the birthplace of Lan Na local
wisdom, the research team has extended it to two other groups, that is, the
people and institutions in other areas, and coordinated with educational
institutions that were responsible for promoting
and maintaining local arts and cultures. It was aimed
to study and disseminate the wisdom through cooperation in a research project
in order to respond to community demands, for which academic seminar and expert
forum were held at the Chiang Mai Hill 2000 so as to exchange experience
and deliberative dialogue among the interested groups, resulting in creation of
a strong network that would be able to push the task of conserving and
perpetuating the Lan Na legacy in the same direction.
In
order to execute the research project in this manner, the research team was
given budgetary support by Chiang Mai University to make possible the further
research to pop up research activity with community participation and
responsibility to the extent that the community would have a sense of
belonging, which is hoped to lead to conserving and perpetuating sustainably
the Lan Na wisdom.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น