5
สรุปและข้อเสนอแนะโขนไทย
พิสิฏฐ์ โคตรสุโพธิ์
มจร วข ชม
5.1 สรุป
โขนมีต้นกำเนิดจากการแสดงในพิธีอินทราภิเษก
หรือ พิธีขักนาคดึกดำบรรพ์ นับแต่สมัยอยุธยา
และได้รับการพัฒนาขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ โขนเป็นการแสดงศิลปะไทยในรูปแบบละคร
จากระบำ รำ เต้น แต่โขนมีลักษณะเฉพาะตัว
โดยมักนำเสนอเรื่องราวจากรามเกียรติ์ ซึ่งเป็นมหากาพย์ที่มีชื่อเสียงของอินเดีย
การแสดงโขน
หรือ เต้นโขน มีลักษณะการแสดงที่ละเอียด และมีความสวยงาม โดยผู้แสดง จะถูกแบ่งออกเป็นหลายบทบาท
เช่น พระ นาง ไม่ต้องสวมหัวโขน เพียงแต่แต่งหน้า สวมชฎา ส่วนผู้แสดงเป็น ยักษ์ และ
วานร ต้องสวมหัว ปิดหน้าหมด และแสดงโดยใช้ท่าทาง การเคลื่อนไหว การร้องเพลง
และการดนตรีประกอบเพื่อเล่าเรื่องราว นอกจากนี้ การแต่งกายของผู้แสดง ก็มีความสำคัญ
มีความประณีตและสวยงาม โดยเฉพาะหน้ากาก และเครื่องพัสตราภรณ์ของตัวละคร
ตัวละครในการแสดงโขน
จำแนกเป็น ตัวเทวดา พระ นาง ฤาษี ยักษ์ อสูร วานร และสัตว์อื่นๆ
หากแบ่งกลุ่มก็เป็นการรบกันระหว่าง กองทัพฝ่ายพระราม เรียกว่า กองฝ่ายพับพลา และกองฝ่ายยักษ์ทศกัณฑ์
เรียกว่า กองทัพฝ่ายลงกา
ศิลปะการสร้างหัวโขน มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เท่าที่ปรากฏหลักฐานอยู่ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งสันนิษฐานกันว่า สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ที่ 2 ก็คือ
ศีรษะครูฤาษี ของคลังสมบัติ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์
ตำหนักปลายเนินคลองเตย และ ศีรษะทศกัณฐ์
ขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6
มีการสร้างหัวโขนกันมาก เพราะนาฏกรรมการเล่นโขนได้เจริญถึงเขตสูงสุด ทั้งนี้
รัชกาลที่ 6 ทรงเป็นประมุข สนพระราชหฤทัย
ได้ทรงพระราชทานการอุปถัมภ์ทั้งในด้านการแสดง
ในด้านการสร้างหัวโขน
ตลอดจนช่างทำหัวโขนอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
การทำหัวโขน
นับได้ว่าเป็นศิลปะที่ต้องใช้ฝีมือการทำ จากศิลปะหลายแขนงมารวมเป็นจุดเดียวกัน สิ่งแรกที่ควรระลึกถึง นั่นคือ ความตั้งใจจริงในการทำงาน
เมื่อตั้งใจ จะต้องศึกษาหาประสบการณ์ด้านต่าง ๆ อันเป็นส่วนประกอบในการสร้างผลงานให้ได้ส่วนสัดและแบบแผนที่ถูกต้องสมบูรณ์ การทำหัวโขนมีขั้นตอนต่าง ๆ อันเนื่องมาจากการปั้นรูปยักษ์
รูปลิง ซึ่งได้แบบอย่างมาจากภาพแกะสลัก เรื่องรามายณะ ช่างทำหัวโขน จะต้องเรียนรู้
และ ศึกษา เรื่องราวของหัวโขนแต่ละหัวอย่างละเอียด
ประติมากร ผู้สร้างหัวโขนร่วมสมัย มี หม่อมราชวงศ์จรูญสวัสดิ์
ศุขสวัสดิ์ เป็นช่างผู้ชำนาญงาน หลายสาขา
ทั้งเขียน ปั้น แกะไม้ ลงรักปิดทอง สลักหนังใหญ่ โดยเฉพาะหัวโขน
ท่านได้สร้างผลงานไว้อย่างมาก มีทายาทผู้สืบทอดวิชาช่างหัวโขน คือ บุตรชายทั้ง 2
ท่าน ได้แก่ หม่อมหลวง พงศ์สวัสดิ์ ศุขสวัสดิ์ และ หม่อมหลวงพันธ์สวัสดิ์
ศุขสวัสดิ์ รับสืบทอดวิชาการทำหัวโขน
และสร้างพิพิธภัณฑ์หัวโขน ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
และ ยังมี อาจารย์อมร ศรีพจนารถ และ อาจารย์มงคล เหมศรี ช่างทำหัวโขน ช่างสิบหมู่ ที่ยังสืบทอดวิชาสร้างหัวโขนอยู่
ณ ปัจจุบัน ที่กรมศิลปากร
ปัจจุบัน
โขน ยังคงได้รับการอนุรักษ์ และส่งเสริมให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม
โดยมีการจัดการแสดงที่สาธารณะ และในพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้คนรุ่นหลัง ได้เรียนรู้ และเห็นถึงความสวยงาม
และความสำคัญของการอนุรักษ์โขนในชาติไทย
สาระและคุณค่าของโขน มีหลายประการ โขนมีคุณค่าในฐานะเอกลักษณ์ของชาติไทยด้วยหลายเหตุผล ดังนี้: โขนสะท้อนถึงวัฒนธรรมไทยที่ลึกซึ้ง ทั้งจากการแต่งกาย อาหารดนตรี และการเคลื่อนไหว ซึ่งช่วยในการสืบสานประเพณีและอัตลักษณ์ของชาติ โขนเป็นการแสดงที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้แสดงและผู้ชม สร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกันในชุมชน เรื่องราวในโขนส่วนใหญ่มีพื้นฐานมาจากวรรณกรรมไทย ซึ่งช่วยให้คนรุ่นใหม่เข้าใจประวัติศาสตร์และค่านิยมของสังคมไทย โขนเป็นศิลปะการแสดงที่มีความเฉพาะตัว มีการประสานร่วมระหว่างการเต้น การแสดงและการดนตรี ทำให้เป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของชาติ การแสดงโขนมีส่วนช่วยในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและเชื่อมโยงกับการพัฒนาทางวัฒนธรรมในอนาคต ประการท้ายสุด โขน ยังสามารถนำมาเป็นอุปกรณ์ ทำศิลปบำบัดสร้างสุขภาวะทางกาย อารมณ์และจิตใจได้เป็นอย่างดี ด้วยคุณค่าเหล่านี้ โขนจึงถือเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญและมีความหมายยิ่งในชาติไทย
5.2
ข้อเสนอแนะ
การอนุรักษ์และสืบสานการทำหัวโขนไทยสามารถทำได้ผ่านหลายวิธีที่เป็นรูปธรรม
ดังนี้:
5.2.1 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
๑) ควรส่งเสริมการวิจัยเกี่ยวกับการทำหัวโขน
เพื่อศึกษาและพัฒนาเทคนิคการทำให้สอดคล้องกับความทันสมัย โดยไม่สูญเสียเอกลักษณ์
๒) ควรส่งเสริมการจัดตั้งกลุ่มหรือสมาคมผู้ทำหัวโขน
เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เทคนิค
และประสบการณ์ระหว่างผู้ทำหัวโขนทั้งในท้องถิ่นและในระดับประเทศ
๓)
ควรนำหลักสูตรการทำหัวโขนเข้าสู่สถาบันการศึกษา เช่น
มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยการแสดงศิลปะ เพื่อให้ความรู้และทักษะแก่เยาวชน
5.2.2
ข้อเสนอแนะในการนำไปปฏิบัติ
1) ควรจัดกิจกรรมเวิร์กช็อปการทำหัวโขนให้กับกลุ่มคนที่สนใจ
เช่น เยาวชน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป
เพื่อสอนเทคนิคการทำหัวโขนและให้มีโอกาสฝึกฝนปฏิบัติจริง
๒)
ควรจัดเทศกาลการแสดงโขนหรือการทำหัวโขน โดยเชิญชวนศิลปินนักทำหัวโขนมาโชว์ผลงาน
เพื่อสร้างความสนใจและการมีส่วนร่วมจากสาธารณะ
๓)
ควรสร้างพิพิธภัณฑ์หรือศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะการทำหัวโขนไทย
เพื่อเป็นแหล่งให้ความรู้และแบ่งปันประสบการณ์ให้กับผู้สนใจ
๔)
ควรใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการทำหัวโขน
ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอสอนการทำ หรือการแชร์ภาพผลงานร่วมกับชุมชน
ด้วยการดำเนินการตามข้อเสนอแนะดังที่กล่าวมาข้างต้น
จะช่วยให้การทำหัวโขนไทย ถูกอนุรักษ์และสืบสานได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น